วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

สุขสันต์วันสงกรานต์





สุขสันต์วันสงกรานต์






วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

** ดี...ร้าย ...แล้วแต่ใครจะมอง **



หญิงสาวคนหนึ่ง หงุดหงิดใจกับเหตการณ์ที่ๆทำงาน ที่เกิดขึ้นทุกวัน เนื่องจากในออฟฟิศของเธอนั้น มีแต่คนที่ชอบให้ร้ายกันและกันเสมอ บ้างก็จับกลุ่มนินทาผู้อื่น บ้างก็ชอบจับกลุ่มบ่นระบายเรื่องไม่พอใจและปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน หัวหน้าที่ชอบดุด่า เพื่อแสดงอำนาจ ลูกน้อง ที่แอบนินทาว่าเจ้านายลับหลัง หญิงสาวจึงมาทำงานทุกวันด้วยความเบื่อหน่าย และอยากจะลาออกไปให้พ้นๆๆ จากบริษัทแห่งนี้ ทุกๆวันเธอจึงเฝ้าแต่มองหาที่ทำงานใหม่ ที่เธอคิดว่า สังคมในการทำงานจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่......
วันหนึ่ง.....หญิงสาว ไปท่องเที่ยวที่วัด ๆ หนึ่ง มีสุนัข 2 ตัว กำลังยืน ประจันหน้า และพร้อมที่จะเข้ากัดกัน ต่างฝ่าย ต่างก็ ขู่ คำราม เสียงดัง เป็นที่หนวกหู แก่ผู้คน ด้วยความรำคาญ หญิงสาว จึงเข้าไปไล่.....


สุนัข เมื่อ ถูกไล่ ก็ วิ่งหนีไปด้วยความกลัว แต่ไม่ช้า สุนัข ทั้งสอง ก็กลับมา คำราม ขู่กัน ในพื้นที่เดิมอีก หญิงสาว ก็เดินเข้าไปไล่มันอีก มันก็ วิ่งหนี และกลับมา แบบเดิมอีก หญิงสาว ไล่สุนัข จนเหนื่อย รู้สึกรำคาญ กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เธอเริ่มคิดว่า ทำไม ? วัดนี้ไม่มีคนมาคอยดูแล คอยไล่สุนัข เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่มาวัด แถมสุนัขจรจัดก็มีมาก สร้างความสกปรก และความรำคาญให้แก่ผู้คน และแล้วก็มีพระเดินผ่านมา เธอจึงเอ่ยปาก ถาม ขึ้นว่า..... " หลวงพี่ ไม่รำคาญเสียงสุนัข บ้างเลยหรือ มันเห่าเสียงดัง ทำไมไม่ไล่มันไปเสีย " พระหนุ่มจึงตอบว่า " เราไม่เห็นได้ยินเสียงเห่าของสุนัขเลย โยม จะให้รำคาญได้อย่างไร "

หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น " เอ๊ะ หลวงพี่ เสียงหมาเห่าออกจะดังขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ได้ยินเหรอ "

" หูอาตมาไม่ได้หนวก เสียงสุนัขนะได้ยิน อยู่ แต่อาตมาได้ยินว่ามันทะเลาะกัน เดี๋ยวทะเลาะกันเหนื่อย มันก็เลิกไปเอง ไม่เห็นได้ยินเสียงเห่า ว่า น่ารำคาญ อย่างที่โยม บอก

..... ว่าแต่โยม เถอะ ไปทะเลาะกับสุนัข 2 ตัว นั้น ด้วย เหรอ ถึงได้ หงุดหงิดเดือดเนื้อร้อนใจ ไปกับมันด้วย ? "


..... การมีชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย.....

..... การฝึกมองทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ด้วยความเมตตา

.... จะเป็นเกราะป้องกันจิตใจเรา ให้อยู่ห่างไกลจากความทุกข์

.... และจะรู้สึกเบาสบาย เป็นสุขได้ทุกเวลา.....
จาก fwd mail ครับ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

สมุนไพรอันตราย 13 ชนิด
สำนักแห่งความสุขขอประกาศรายชื่อสมุนไพรอันตราย 13 ชนิดที่มีต่อชีวิตการทำงานดังนี้คือ :

1 ขิง / ข่า ขิง(ก็รา) ข่า(ก็แรง)
เป็นอันตรายต่อชีวิตการทำงานอย่างยิ่ง บางครั้งเป็นการกระทบกระทั่งด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่อง เมื่อไม่ยอมกันคนละก้าว ก็เสียทั้งงานและภาพพจน์ขององค์กร
ทางแก้ : การทำงานในสำนักงานไม่ว่าองค์กรราชการหรือเอกชนเป็นการรวมคนจากที่ต่างๆ เข้าด้วย กัน จึงเป็นเรื่องปกติที่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเพื่อนร่วมงาน รู้จักยอมกันบ้าง ทำนอง 'แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร' นอกจากจะได้ไม่เสียสุขภาพจิตแล้ว ยังได้ประสิทธิภาพของงานสูง

2 ขมิ้น (กับปูน)
ไม่ชอบเพื่อน ไม่ชอบเจ้านาย ไม่ชอบหน้าลูกค้า ไม่ชอบงานที่ทำ ไม่ชอบทุกอย่างในชีวิต!
ทางแก้ : ปรับเปลี่ยนทัศนคติมองผู้อื่นในด้านดี หรืออย่างน้อยก็ตามความเป็นจริง มองลูกค้าว่าเป็นผู้ที่ ทำให้เราเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะการทำงานโดยมีทัศนคติไม่ดียากจะก้าวหน้า และที่แย่ที่สุดคือผ่าน ชีวิตทำงานแต่ละวันอย่างทรมาน

3 มะนาว (ไม่มีน้ำ)
พูดไม่ดี พูดมากไป พูดไม่ไพเราะ พูดแต่เรื่องร้ายๆ เหล่านี้เป็นอันตรายต่อองค์กรอย่างยิ่ง นอกจากจะ ขัดใจกันในองค์กรแล้ว ยังอาจทำให้ลูกค้าหนีหายก็ได้
ทางแก้ : พูดน้อยหน่อย ทำงานมากหน่อย มองด้านดีของคนอื่นบ้าง

4 จิก
เจ้านายประเภทที่ใช้คนไม่เลือกเวลา ชอบบรี๊ฟงานห้านาทีก่อนเลิกงาน โทร.ตามจิกลูกน้องห้านาทีก่อน เที่ยงคืนและในวันหยุดเป็นประจำ
ทางแก้ : การทำงานที่ดีอยู่ที่การวางแผน และรักษาสมดุลของงานกับครอบครัว ลูกน้องที่พักผ่อนพอ เพียงและมีชีวิตครอบครัวที่ดี ย่อมทำงานได้ประสิทธิภาพกว่าคนที่ทำงานใต้สภาวะของการจิก การทำ งานชั่วโมงยาวนานมิได้หมายถึงประสิทธิภาพและคุณภาพเสมอไป

5 ว่านหางจระเข้ (ฟาดหาง)
เจอเรื่องไม่ดีที่บ้านก็นำมาฟาดหาง (จระเข้) กับเพื่อนหรือลูกน้อง หรือทั้งเพื่อนและลูกน้อง
ทางแก้ : แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัว งานส่วนงาน ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน เพราะทุกคนก็ ประสบเรื่องไม่ดีทั้งนั้น แก้ปัญหาเรื่องส่วนตัวโดยวิธีการอื่น เช่นปรึกษาเพื่อนฝูง เป็นต้น

6 (เย็น)ชา
เย็นชากับลูกค้า ลูกค้าหลุดได้ เย็นชากับลูกน้อง ลูกน้องก็หนี เย็นชากับเจ้านาย ก็อาจตกงาน!
ทางแก้ : รักษาน้ำใจเพื่อนๆ ในที่ทำงาน จะทำให้หลายสิบชั่วโมงต่อสัปดาห์ในที่ทำงานเป็นสวรรค์ ไม่ ใช่นรก

7 สีเสียด
ใช้วาจาเสียดสี เหยียดหยาม กระแทกกระทั้นคนรอบตัวเพื่อความสะใจ ต่อหน้าลูกค้าเอ่ย "ครับๆ ค่ะๆ" ลับหลังลูกค้าด่าว่าโง่ ฯลฯ
ทางแก้ : การใช้คำพูดในเชิงลบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้ามจะทำให้ผู้พูดลดคุณค่าและ ความน่าเชื่อถือลง ลองมองด้านดีของคนอื่นบ้าง

8 กระทืบยอด
เป็นยอดในการย่ำคนอื่น เป็นเยี่ยมในการไต่ขึ้นที่สูงโดยเหยียบหัวเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ
ทางแก้ : ไต่ขึ้นที่สูงไปตามพัฒนาการของตนเอง จะเป็นฐานที่แข็งแรงที่สุด

9 มะขวิด
ไล่ขวิดคนไปทั่ว ยุ่งเรื่องชาวบ้านโดยไม่ทำงานของตัวเอง
ทางแก้ : กลับไปทำงาน! เพราะเวลาวัดผลงานในตอนท้าย ไม่ได้วัดกันที่ความคมของเขี้ยว เขา หรืองา

10 ยอ
ยกยอเจ้านายตลอดเวลา เสนอหน้าหลังเวลางาน
ทางแก้ : ความก้าวหน้าจากการประจบเอาใจผู้ใหญ่ไม่ใช่รากฐานที่มั่นคงของชีวิตการทำงานในระยะ ยาว


11 แมงลัก
ขโมยไอเดียของคนอื่น แล้วยกว่าเป็นของตัวเอง
ทางแก้ : พัฒนาตนเองตลอดเวลา เรียนรู้จากความคิดของผู้อื่น แล้วนำไปแตกหน่อต่อยอด เป็นการ เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง

12 รางจืด
ใช้ชีวิตทำงานแบบจืดสนิท ทำงานแบบกางตำรา ไม่เริ่มงานเด็ดขาดแม้เข็มนาฬิกาอยู่ก่อนเวลาเริ่มงาน 1.025 วินาที พนักงานไม่เคยไปสังสรรค์ด้วยกัน ฯลฯ
ทางแก้ : เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตทำงานบ้าง แล้วอาจพบว่า การทำงานก็เป็นเรื่องสนุกได้

13 กระบือเจ็ดตัว
พอใจในความรู้ความสามารถที่ตนมีอยู่ไม่ว่ามันจะจำกัดเพียงใด ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ทางแก้ : ความรู้หรือเทคโนโลยีที่เรียนมาเมื่อ 10-20 ปีก่อนอาจแก้ปัญหารูปแบบใหม่ๆ ในปัจจุบันไม่ ได้ โลกเปลี่ยนไปนาทีต่อนาที คนทำงานต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทัน ต้องศึกษาเพิ่ม อาจเป็นการเรียน วิชาที่เพิ่งเกิดใหม่ สัมมนาทางวิชาการ ศึกษาภาคค่ำ แทนที่จะหาประสบการณ์จากการกินเหล้าและเข้า ผับอย่างเดียว

ออำนวยพรให้ทุกท่านทำงานอย่างมีความสุข!
วินทร์ เลียววาริณ 21 กุมภาพันธ์ 2552

อบรมKM วันที่ 19-20 มี.ค.52


lecture Informatic Tools

การใช้โปรแกรม MsAccess2007

การใช้ Google Analytic

ลงโปรแกรม Appserv + Moodle

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อคิดจากกบ 1


ต่อหน้า 2 นะครับ
ข้อคิดจากกบ จาก fwd mail

ข้อคิดจากกบ (ต่อ)
















มาจาก fwd mail ครับ

อบรมKM 12-13 มีค52


อบรมKM 12-13 มีค52 อ.สอนการใช้ SQL ต่อ

สอนการ create user

สอนการใช้ Interface ในการทำงาน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้นมาก

แต่เวลาจำกัด ยังสร้าง form เพื่อรับการกรอกข้อมูลได้ไม่สมบูรณ์นัก

แต่ก็จบหัวข้อ Oracle และ SQL แล้ว เพื่อนๆ หายๆไปหลายคน

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

อบรมKM วันที่5-6มี.ค.52

อบรมKM วันที่ 5-6 มี.ค.52
สอนเรื่อง การใช้ SQL Command
ลงโปรแกรม Java Oracal


เหนื่อย ไม่ เหนื่อย ไม่รู้ ดูภาพ เอาเองก็แล้วกัน






วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อแตกต่างระหว่างการคิดแบบ Focus ที่ปัญหา และ Focus ที่ทางออก


ข้อแตกต่างระหว่างการคิดแบบ Focus ที่ปัญหา และ Focus ที่ทางออก

เรื่องที่ 1 เมื่อองค์การนาซ่าได้เริ่มปล่อยจรวดเพื่อการสำรวจอวกาศ พวกเขาพบว่า ปากกาไม่สามารถ เขียนได้ที่แรงโน้มถ่วงของโลกเท่ากับ 0 น้ำหมึกไม่สามารถไหลออกมาที่กระดาษที่ต้องการเขียนได้ การแก้ปัญหานี้ได้ใช้เวลาราว 10 ปีและได้ใช้เงินมูลค่า 12 ล้านดอลล่าห์(480 ล้านบาท) พวกเขาได้สร้างปากกาที่สามารถใช้งานได้ที่แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์เขียนแบบ หรือเขียนที่ใต้น้ำได้สามารถเขียนได้ไม่ว่าสภาพผิวเป็นเช่นไร รวมทั้ง ผิว crystal และที่อุณหภูมิช่วงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจนถึงที่มากกว่า 300 องศาเซลเซียล ได้ ด้วยปัญหาแบบเดียวกัน ทางรัสเซีย ใช้ดินสอเขียนแทน ครับ

เรื่องที่ 2 หนึ่งในเรื่องที่นิยมใช้ในการสอนที่ประเทศญี่ปุ่นได้แก่เรื่องของการเกิด ปัญหาที่ว่าสบู่ที่ลูกค้าซื้อไม่มีสบู่มาด้วย คือได้แต่กล่องเปล่าๆมา เรื่องนี้มาจาก บริษัทยักษ์หญ่ในการผลิตเครื่องสำอางของญี่ปุ่น ได้รับการร้องเรียนจากทางลูกค้าถึงปัญหาดังกล่าว ทาง ด้านวิศวกรที่รับผิดชอบ ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray เพื่อการตรวจดูว่าภายในของกล่องสบู่มี สบู่หรือไม่และเพื่อการนี้ก็ได้ให้คน 2 คนคอยเฝ้าที่จอเพื่อดูให้แน่ใจได้ว่าไม่มีการหลุดของกล่องที่ไม่ได้บรรจุ สบู่ไป แน่นอนว่าคน 2 คนที่ดูจอมอนิเตอร์คงไม่สนุกในการทำงานนี้เท่าไหร่ ........................... ด้วยปัญหาเดียวกัน พนักงานหน้างานที่บริษัทเล็กแห่งหนึ่ง เขาไม่ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray แต่สิ่งที่เขาทำได้แก่ การไปซื้อพัดลมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำมาเป่าที่รางสายพานขณะที่กล่อง สบู่วิ่งผ่าน กล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่เมื่อถูกลมก็จะปลิวออกนอกสายพานลำเลียงเอง

จาก FWD Mail ครับ

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ชีวิตเราเท่านี้เองหรือ ?

ชีวิตเราเท่านี้เองหรือ ? ดู clip นะครับ

อบรม KM 26 - 27 กพ52

วันที่ 26 กพ 52 อ.สอนใช้ โปรแกรม Dreamweaver เขียน web
ให้การบ้าน เขียน web 5 หน้า ให้มี Link ภายในหน้าเดียวกัน ระหว่างหน้า
ใส่แบบประเมินความพึงพอใจ แบบ radio botton ด้วย
ทำเป็น statics webpage
วันที่ 27 กพ 52 สอน Excel และ SPSS

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บางเรื่องที่เราไม่รู้


บางที อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ เช่น
โคคาโคลา เดิมมีสีเขียว
ชื่อที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก คือ โมฮัมมัด
ชื่อของทุกทวีปมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกกับตัวสุดท้ายเป็นตัวเดียวกัน
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายของเราคือลิ้น
ชาวอเมริกันมีเครดิตการ์ดโดยเฉลี่ยคนละ 2 ใบ
คำว่า TYPEWRITER เป็นคำที่ยาวที่สุดที่พิมพ์โดยใช้แป้นพิมพ์แถวเดียวกัน
ผู้หญิงกะพริบตาประมาณ 2 เท่าของผู้ชาย
คุณไม่สามารถฆ่าตัวตายโดยการกลั้นลมหายใจ
คุณไม่สามารถเลียข้อศอกตัวเองได้
ผู้คนจะอวยพรกันว่า 'Bless you' เมื่อเกิดการจาม เนื่องจากการจามแต่ละครั้ง จะทำให้หัวใจหยุดเต้นประมาณ 1 มิลลิวินาที
ด้วยสรีระของหมู ทำให้มันไม่สามารถมองท้องฟ้าได้
ประโยค 'sixth sick sheik's sixth sheep's sick' ถือว่า เป็นประโยคที่ทำให้ลิ้นพันกันมากที่สุด ในภาษาอังกฤษ
ถ้าจามแรงมากเกินไป อาจทำให้คุณซี่โครงหักได้ แต่ถ้าคุณกลั้นการจามไว้ จะทำให้หลอดเลือดที่ศีรษะหรือคอโป่งออกจนเสียชีวิตได้
ตัวคิงบนหน้าไพ่เป็นตัวแทนกษัตริย์ในประวัติศาสตร์ ได้แก่ คิงโพดำ คือกษัตริย์เดวิด คิงดอกจิก คือกษัตริย์อเล็กซานเดอร์หาราช คิงโพแดง คือกษัตริย์ชาลีมาน คิงข้าวหลามตัด คือ กษัตริย์จูเลียส ซีซาร์

ผลคูณ 111,111,111 x 111,111,111 = 12,345,678,987,654,321
ถ้ารูปปั้นในสวนสาธารณะเป็นรูปคนขี่ม้าที่ยกสองขาหน้าขึ้นบนอากาศ แสดงว่าคนนั้นเสียชีวิตในสงคราม แต่ถ้าม้ายกขาหน้าขึ้นข้างเดียว คนนั้นเสียชีวิตจากการบาดเจ็บในสงคราม และถ้าม้ายืนอยู่บนขาทั้งสี่ คนผู้นั้นเสียชีวิตเองตามธรรมชาติ
อุปกรณ์ที่ใช้กันทั่วไป อย่างเสื้อกันกระสุน บันไดหนีไฟ ที่ปัดน้ำฝน และเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ประดิษฐ์ขึ้นโดยสุภาพสตรี
คำถาม อาหารอย่างเดียวที่ไม่เคยเสีย คืออะไร คำตอบ - น้ำผึ้ง

จรเข้ไม่สามารถแลบลิ้นออกมาจากปากได้
ทากสามารถจำศีลได้นาน 3 ปี
หมีขั้วโลกทุกตัวถนัดซ้าย
สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์สามารถประหยัดเงินไปได้ 40,000 เหรียญ จากการตัดมะกอก 1 ลูก ออกจากเมนูสลัดที่เสิร์ฟในที่นั่งชั้นหนึ่ง
ผีเสื้อชิมรสอาหารด้วยตีนของมัน

ช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ไม่สามารถกระโดดได้
เป็นเวลา 4000 ปีมาแล้ว ที่คนเราไม่มีสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมา
โดยทั่วไป คนจะกลัวแมงมุมเกินกว่าความน่ากลัวของมัน
เชคสเปียร์ เป็นผู้สร้างคำว่า 'assassinatiสีข้อความon' และ 'bump'.
Stewardesses เป็นคำที่ยาวที่สุด ที่พิมพ์สัมผัสโดยใช้แต่มือซ้าย
ถ้าไม่ถูกยาฆ่าแมลง มดจะตกลงพื้นโดยลงทางด้านขวา

เก้าอี้ไฟฟ้าประดิษฐ์ขึ้นโดยทันตแพทย์
การบีบตัวของหัวใจของคน สามารถทำให้เกิดความดันเพื่อขับเลือดไปทั่วร่างกาย แรงดันนี้สามารถทำให้เลือดให้พุ่งไปได้ไกล 30 ฟุต
หนูขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลา 18 เดือน หนู 2 ตัว สามารถทำให้เกิดลูกหลานได้มากกว่า 1 ล้านตัว

การสวมหูฟังเพียง 1 ชั่วโมง จะทำให้จำนวนแบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น 700 เท่า
ไฟแช็คประดิษฐ์ขึ้นก่อนหน้าไม้ขีดไฟ
ลิปสติกส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของเกล็ดปลา
นอกจากลายพิมพ์นิ้วมือแล้ว ลายพิมพ์ลิ้นของแต่ละคนก็แตกต่างกัน

สุดท้าย 99% ของคนที่อ่านเรื่องนี้ จะพยายามเลียข้อศอกตัวเอง


จาก ForwardMail ครับ


Woman Driver

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความรู้จากแพทย์จีน


ความรู้จากแพทย์จีน อาจารย์ท่านแนะนำเคล็ดลับไว้ 12 ข้อดังต่อไปนี้...
1. หวีผมบ่อยๆ: หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรง เบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)
2. ถูใบหน้าบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง
3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ: ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง
4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ: การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว
5. ขบฟันเบาๆ บ่อยๆขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย
6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ: การใช้ปลายลิ้นกระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย
7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ: การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร
8. หมั่นขับของเสีย: หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อ ป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ (กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย
9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ: ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น
10. ขมิบก้นบ่อยๆ: การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก
11. เคลื่อนไหวทุกข้อ: การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อน ไหวข้อต่างๆ ให้ครบทุกข้อทุกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก โยคะ ฯลฯ
12. ถูผิวหนังบ่อยๆ: ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให เลือดและพลังไหลเวียนดี

เรียนKMวันที่20กพ52


วันนี้ อ.สอนการใช้ Browser ต่างๆ การเพิ่ม Add_ons ช่วยในการค้นหาข้อมูล

สอนการเขียน webpage ด้วยภาษา HTML

เริ่มเรียนรู้ Tag ต่างๆ เขียนด้วย Notepad

แล้วต่อด้วย การใช้ โปรแกรม EditPlus

ให้การบ้าน เขียน WebPage ให้มี องค์ประกอบ ด้วย รูป ,หัวข้อ,หัวข้อย่อย

การตีเส้นแบ่ง ใส่ตาราง แล้วส่งไปที่ forum ใน DentNet

เจอกันสัปดาห์หน้าครับ

อ้อ อ.แนะนำหนังสือให้อ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เรียน KM วันที่ 19 กพ.52

วันนี้ อ.สอนการ search บทความ ทาง Pubmed บ่ายไปใช้เครื่องที่ศูนย์สารสนเทศ ในกระทรวงสาธารณสุข

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การบ้านมาแล้วครับ


วันที่ 12-13 กพ.52
(เพิ่งจะ post วันที่ 16 กพ. นี้เองจ้า ทำส่งไม่ทันวันที่ 19 กพ.ก็ไม่ว่ากันจ้า)
การบ้าน 1: ใช้ browser ตัวไหนก็ได้หาบทความเรื่อง “Browser faceoff : IE vs Firefox vs Opera vs Safari” เขียนโดย Kai Schmerer มาอ่านเล่น
การบ้าน 2: ใช้ตัวแปลภาษา (add-on ของ Firefox) แปลภาษาฝรั่งเศส บน Blog ของคุณหมอน้ำเพชร เป็นภาษาอังกฤษ
การบ้าน 3: มีบทความเรื่อง “A vision of dental education in the third millennium” เขียนโดย K.A.Eaton และอีก 2-3 คน เขียนนำว่า บทความดังกล่าวเป็น the last in a series of 16 ลองหาอีก 15 papers ก่อนหน้านี้มาอ่านด้วยค่ะ
ส่งการบ้านโดย register google doc แล้วแชร์ไฟล์ไว้บนนั้น
(แนะนำว่าให้ลองใช้ฟังก์ชั่น Discussion ใน DentNet ปรึกษากันดูว่าจะทำอย่างไร)
เอกสารช่วยเรื่อง camtasia กับ powerpoint : camtasia-getting-started-guide
เอกสารช่วยเรื่องการบ้าน 3 : sjbdj2008736

แนะนำหนังสือดีน่าอ่าน The Last Lecture

หนังสือ The Last Lecture
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551
เมื่อกลางเดือนกันยายน ปี 2007 Dr. Randy Pausch
ศาสตราจารย์ด้านคอมพิวเตอร์คนหนึ่งของมหาวิทยาลัย
Carnegie Mellon ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นยอดเยี่ยมของ
สหรัฐอเมริกาในด้านเทคโนโลยีได้รับเชิญให้ตอบคำถาม
สมมุติว่า "ถ้าคุณรู้ว่ากำลังจะตาย คุณมีข้อคิดอุดมปัญญา (wisdom) ใดที่อยากมอบไว้ให้แก่โลก" คำถามนี้ตั้งให้เหล่า นักวิชาการชั้นนำของโลกที่ได้รับเชิญขบคิดและนำมา บรรยายในชุดการบรรยายที่เรียกว่า "Last Lecture" ของ มหาวิทยาลัย Camegie Mellon ในวันนั้นมีนักศึกษาและผู้สนใจเข้าฟังกันแน่นขนัดเป็น
พิเศษกว่า 500 คน เนื่องจาก Randy Pausch ผู้บรรยายมิได้ตอบคำถามสมมุติ หากกำลังตอบคำถาม จริงเพราะเขากำลังจะตายเพราะป่วยเป็นมะเร็งในตับอ่อน ที่ร้ายแรง เขาบรรยายได้อย่างประทับใจคนฟังมากในหัวข้อ "Really Achieving your Childhood Dreams" ซึ่งต่อมาปรากฏ ในอินเตอร์เน็ตให้คนทั้งโลกได้ชม ภายในเดือนแรกมีคน เข้าชมกว่า 1 ล้านครั้ง และในปัจจุบันมีผู้เข้าชมกว่า 6 ล้านครั้ง Randy Pausch เป็นที่ชื่นชมเพราะเขาไม่ได้รอ ความตาย หากทำให้ความเจ็บป่วยของเขามีความหมาย ต่อคนอื่น เขารณรงค์หาทุนเพื่อวิจัยมะเร็งในตับอ่อน ให้ กำลังใจเพื่อนผู้ป่วยโรคมะเร็งให้สู้ชีวิต ให้การแก่ กรรมาธิการของวุฒิสภาเพื่อสนับสนุนการให้เงินทุน สำหรับโรคมะเร็งตับอ่อน ฯลฯ รวมถึงตอบคำถามชีวิตใน นิตยสาร Time ออกโทรทัศน์รายการดังๆ ทั้งหลาย คน รู้จักเขามากที่สุดจากการบรรยาย Last Lecture หลังการบรรยายเขาเขียนหนังสือร่วมกับ Jeffrey Zaslow ชื่อ
The Last Lecture โดยเป็นเรื่องราวของชีวิตของเขา ตลอดจนเนื้อหาจากการบรรยายครั้งนั้น และหลายสิ่งที่ เขาอยากฝากให้บรรดาพ่อแม่ คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ สอนลูกศิษย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และคนทั่วโลกได้รับทราบสิ่ง ที่เขาได้เรียนรู้ในชีวิต 47 ปี ของเขา
หนังสือ The Last Lecture ขายดีมาก วางตลาดได้ 13 วัน 400,000 เล่ม ก็ขาดตลาดจนต้องพิมพ์ใหม่อีกหลาย
ครั้ง เป็นเบสเซลเลอร์ของนิวยอร์กอยู่นับสิบอาทิตย์ เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วโลก แปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้วกว่า 17 ภาษา เชื่อว่าจะขายได้นับล้านๆ เล่มแน่นอน สำหรับบ้านเราได้มีการแปลหนังสือเล่มนี้ออกมาวางตลาดแล้วในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่เพิ่งเลิกไป ผู้แปลคือวนิษา เรซ หรือหนูดี (หนังสือของเธอที่สอนเด็กให้เรียนหนังสือเป็นชื่อ "อัจฉริยะ.....เรียนสนุก" ได้รับความนิยมอย่างมากจนมีเล่ม 2 และเล่ม 3 กำลังจะตามมา) ในชื่อ "เดอะลาสต์เล็กเชอร์" และขายดีมากจนได้ลำดับต้นๆ ของยอดขายหนังสือใหม่ซึ่งออกในงานนี้
เสน่ห์ของ Randy Pausch อยู่ตรงที่เขาไม่มีความขมขื่นกับชะตาชีวิต แต่หากเต็มไปด้วยความตื้นตันใจกับความช่วยเหลือที่ทุกคนให้แก่เขา หลายคนที่อ่านต้องหัวเราะทั้งน้ำตาด้วยอารมณ์ขันและความโหดร้ายของชะตากรรม และด้วยความทึ่งในข้อคิดในเรื่องชีวิตและการใช้ชีวิตเช่น "คนอย่างผมถ้าไม่ใกล้ตายเขาก็คงไม่เชิญมาพูด Last Lecture แน่นอน" "ตอนนี้มีก้อนเนื้องอกอยู่บนตับผม 10
จุด เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนหมอเคยบอกว่าอยู่ได้อีกประมาณ 3-6 เดือน คราวนี้คุณก็ลองใช้คณิตศาสตร์ง่ายๆ ตัดสิน แล้วกันว่าผมพอสู้มันได้ไหม" "คุณไม่มีทางรู้ว่าวันใดคุณจะ รู้ว่ามีเวลาเหลืออยู่น้อยกว่าที่คุณคิด"
เขาบอกว่าเขาเกิดมาพร้อมกับลอตเตอรี่ใบที่ถูกรางวัล พ่อ แม่ของเขาเลี้ยงดูเขาอย่างสนับสนุนการสร้างจินตนาการของลูกท่ามกลางความรัก (อนุญาตให้ลูกเขียนภาพบนฝาผนังห้องนอนได้ตามจินตนาการ) เล่าเรื่องราวอย่างสนุก ให้ลูกฟัง พร้อมกับมีพจนานุกรมไว้อ้างอิงเสมอข้างโต๊ะกินข้าวเพื่อยั่วยุให้ลูกค้นคว้า และสอนเรื่องคุณค่าให้แก่ลูกๆ ในเรื่องความมัธยัสถ์ การให้ เช่น ค้ำประกันการสร้างหอพักในชนบทของประเทศไทยซึ่งสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้เด็กหญิงไม่ต้องลาออกจากโรงเรียนและกลายเป็นหญิงบริการ Randy Pausch เตรียมตัวตายอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะภรรยาเขาในวัย 41 ปี ต้องเลี้ยงลูกต่อไปถึง 3 คน คือในวัย 6 ขอบ 3 ขวบ และ 22 เดือน เขาเล่าว่าต้องแอบซ่อนน้ำตาเมื่อนึกถึงว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นลูกเขาเติบโตเป็นวัยรุ่น เขาพูดคุยกับคนที่พ่อแม่เสียไปตั้งแต่ยังเล็กๆ และพบว่าสิ่ง
สำคัญสำหรับคนเหล่านี้ก็คือการที่เขารู้ว่าพ่อแม่รักเขามาก และเขาเป็นคนสำคัญและพิเศษของพ่อแม่อย่างแท้จริง ดังนั้น เขาจึงเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้ลูกอ่านเมื่อโตขึ้น ร่วมสร้างประสบการณ์แปลกๆ กับลูกเพื่อให้มีความทรงจำ (ว่ายน้ำร่วมกับลูกและปลาโลมา) มีรูปถ่ายและวิดีโอมากมาย รวมทั้งจัดทำวิดีโอพิเศษขึ้นเพื่อให้ลูกแต่ละคนได้ รู้ว่าเขารักพวกเขามากเพียงใด หนังสือเล่มนี้ให้วิธีการเลี้ยงลูกที่น่าสนใจ ตลอดจนวิธีการสอนของเขาในการดำรงชีวิต แก้ไขปัญหา สร้างทีมเวิร์ก สร้างสมาชิกที่มีคุณค่าของสังคม ฯลฯ หรือแม้แต่การ กล่าวคำขอโทษ
สิ่งสำคัญที่ Pausch ทำให้ผู้อ่านต้องคิดก็คือการตระหนัก ถึงความตายอยู่เสมอ การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและอย่าง ตระหนักถึงเวลาที่ทุกคนมีอยู่อย่างจำกัดบนโลกใบนี้ เขาบอกว่าในแง่มุมหนึ่งเขาโชคดีที่ยังรู้ว่าจะมีเวลาเหลือ เท่าใดอยู่ในโลกนี้จนมีโอกาสเตรียมการสำหรับครอบครัว ซึ่งดีกว่าการตายด้วยอุบัติเหตุเสียชีวิตไปทันที ดังนั้น ข้อคิดเช่นนี้จึงนำไปสู่ข้อสรุปว่าทุกคนต้องเตรียมตัวตาย เสมอเพราะอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้เสมอกับทุกคน Pausch บอกว่า Life is to be lived (ใช้ชีวิตให้มีชีวิต) ไม่ว่าชีวิตจะยาวหรือสั้นก็ตามที คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณมากนัก เขาได้ตายจากไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านไป โดยทิ้งผลงานทางวิชาการด้าน virtual reality
และทิ้ง "ข้อคิดอันอุดมด้วยปัญญา" ไว้ให้พวกเราขบคิด ถ้าท่านจะอ่านหนังสือที่มีคุณค่าสักเล่มเดียวในปีนี้ ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ที่แปลได้อย่างงดงามครับ
คัดลอกจากมติชน เขียนโดย วรากรณ์ สามโกเศศ

ผมอ่านแล้ว 1 รอบ ดีมากครับ ได้แง่คิดดีๆ มากมาย


ดู VDO ที่เขายบรรยายได้ที่ link นีครับ


http://www.scriptdd.com/diary/the_last_lecture.html

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

KM วันที่ 4


วันนี้ อ.สอนการใช้ web browser

OPERA และ Firefox

และการใช้งานโปรแกรม MS Project

ตอนเช้า อ. lecture เรื่อง KM

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

VDO แนะนำตัว

VDO แนะนำตัว




KM วันที่ 3

วันนี้ อ.สอนใช้โปรแกรม Camtasia ใช้ตัดต่อ VDO Clip
ให้นำ slide powerpoint แนะนำตัว มา ทำเป็น VDO Clip
ด้วย โปรแกรม Camtasia
และสอนให้ ทำ link URL เพื่อนๆ ลง Web Blog
และ write file การบ้านใส่ CD
- ใบประกาศนียบัตร
- Newsletter
- Clip แนะนำตัว

และนำ Clip ใส่ใน Blog

Link เพื่อนๆ

ลักษณ์
สมชาย
พี่ต้อย
สุนทรี
รุจิรา

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทำการบ้านมาแล้วครับ


อาจารย์ให้นำการบ้าน powerpoint มาลง blog

อบรมKMวันที่3

วันนี้ตอนเช้า เริ่มต้นด้วย อ.สอนการทำ blog ใน blogger.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อบรมKMวันที่2

อบรมKMวันที่2 วันนี้ อ.สอนใช้ MS Office publisher
ให้การบ้าน ทำใบประกาศ และ จดหมายข่าว โดยใช้รูป ข้อมูล ที่เรียนมาเมื่อวาน
จากโปรแกรม visio mindjet snagIT



ทดสอบใส่รูป

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อบรมKM

วันแรก อจ.ให้ ลงโปรแกรม และ Set lan และสมัคร ทำ Blog